การคัดเลือกยาเข้าบัญชียาโรงพยาบาลศรีนครินทร์
การคัดเลือกยาเพื่อใช้ในโรงพยาบาลเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการเภสัชกรรม ประกอบด้วยผู้บริหารโรงพยาบาล หัวหน้าภาควิชา
หัวหน้างานบริการพยาบาล หัวหน้างานเภสัชกรรม และ ผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมกันพิจารณาคัดเลือก แต่การดำเนินงานของคณะกรรมการ
ฯ ไม่อาจบรรลุวัตถุประสงค์ที่คณะกำหนดไว้ในการดูแลและบริหารระบบยาในโรงพยาบาล
เนื่องจากมีรายการยาที่เสนอเข้ามาเพื่อขอนำมาใช้ในโรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก ทำให้ไม่มีสามารถพิจารณาเรื่องสำคัญต่างๆ
เพื่อติดตามประเมินการบริหารระบบยาของโรงพยาบาล คณะกรรมการ ฯ
จึงเห็นสมควรที่จะแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเภสัชกรรมหรือคณะทำงานขึ้นโดยคัดเลือกจากตัวแทนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเสนอความเห็นในกลุ่มยาที่รับผิดชอบตามความถนัด
เพื่อให้แพทย์ผู้มีบทบาทในการรักษาพยาบาลอย่างแท้จริงมีส่วนร่วมในการพิจารณานำยาเข้ามาใช้ในโรงพยาบาล
จึงได้มีมติให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเภสัชกรรมเพื่อช่วยกลั่นกรองการเสนอยาเข้าโรงพยาบาล มีรายละเอียดดังนี้
1.คณะอนุกรรมการเภสัชกรรม
ประกอบด้วย
1.1.คณะอนุกรรมการพิจารณายาที่ใช้รักษาโรคทางจิตและประสาท
1.2.คณะอนุกรรมการพิจารณายาปฏิชีวนะ
ยาฆ่าเชื้อ
และวัคซีน
1.3.คณะอนุกรรมการพิจารณายาโรคหัวใจและหลอดเลือด
1.4.คณะอนุกรรมการพิจารณายาเคมีบำบัด
1.5.คณะอนุกรรมการพิจารณายาต้านอักเสบที่มิใช่สเตียรอยด์
1.6.คณะอนุกรรมการพิจารณายาที่ใช้รักษา
Metabolic disorders
1.7.คณะอนุกรรมการพิจารณาสารอาหารให้โดยวิธีพิเศษ
2.หน้าที่ของคณะอนุกรรมการเภสัชกรรม
คณะอนุกรรมการเภสัชกรรมที่ได้รับแต่งมีวาระ 2 ปี
ดำเนินงานช่วยเหลือคณะกรรมการเภสัชกรรมเพื่อให้การบริหารระบบยาของโรงพยาบาล บรรลุวัตถุประสงค์ของคณะกรรมการเภสัชกรรม
โดยได้กำหนดบทบาทหน้าที่ของคณะอนุกรรมการเภสัชกรรมไว้ดังนี้
2.1.การคัดเลือกยาเข้า
2.1.1.พิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมในการพิจารณานำยาเข้าและตัดออกจากบัญชียาโรงพยาบาลศรีนครินทร์
เสนอ
ต่อคณะกรรมการเภสัชกรรมโดยใช้หลักวิชาการ (Evidence based)
และอาศัยหลักเกณฑ์การเสนอยาเข้าเภสัช
ตำรับของโรงพยาบาลเป็นแนวทาง
โดยต้องสรุปผลการพิจารณาทั้งข้อดี ข้อเสีย
และนำเสนอข้อมูลที่ได้จากการ
พิจารณาเปรียบเทียบคุณสมบัติของยาใหม่ที่เสนอนำเข้าบัญชียาโรงพยาบาลกับยาที่มีอยู่เดิมต่อคณะกรรมการ
เภสัชกรรมเพื่อลงมติ รายละเอียดที่สรุปควรพิจารณาในด้านต่างๆ ดังนี้
2.1.2.พิจารณาราคายาให้เหมาะสม
2.1.3.ส่งเสริมการใช้ยาในโรงพยาบาลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น
สนับสนุนให้มีการติดตามประเมินผลการใช้ยาที่เป็น
กลุ่มเป้าหมาย
ได้แก่ ยาที่มีค่าใช้จ่ายสูง ยาที่ต้องเฝ้าระวัง ADR
เป็นต้น
2.1.4.ศึกษาเปรียบเทียบผลการใช้ยาต้นแบบและยาเลียนแบบที่ใช้ในโรงพยาบาลที่มี Generic name
เดียวกัน
2.1.5.กำหนดรูปแบบการศึกษาและทดลองใช้ยาใหม่ที่จะนำเข้าเพื่อทราบผลการใช้ยาและคุณสมบัติต่าง ๆ
ประกอบการ
พิจารณานำยาเข้า
2.1.6.ในเบื้องต้นของการเปลี่ยนแปลงระบบการพิจารณาคัดเลือกยา ข้อสรุปที่เป็นลายลักษณ์อักษรของคณะ
อนุกรรม
การ ฯ
ถือว่าแพทย์ผู้ใช้ได้ร่วมกันพิจารณากลั่นกรองอย่างดีแล้ว
คณะกรรมการเภสัชกรรมจะพิจารณาเฉพาะ
รายการยาที่มีปัญหาและยังไม่มีข้อสรุปเท่านั้น
2.2.การคัดเลือกยาออก
คณะกรรมการเภสัชกรรมได้กำหนดเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกยาออกเพื่อให้คณะอนุกรรมการได้พิจารณาร่วมกับการนำยาเข้าโดยข้อมูลจะได้จากเภสัชกรที่เป็นอนุกรรมการพิจารณาร่วมด้วย
การคัดเลือกยาออกมี 3 กรณี คือ
2.2.1.ยาที่มีอัตราการใช้น้อย ดำเนินการพิจารณาตัดรายการยาออกรายปี
เสนอโดยงานเภสัชกรรม
2.2.2.ยาที่ถูกเสนอตัดออกขณะที่มีการเสนอยาเข้าและไม่มีผู้คัดค้าน
กล่าวคือทุกครั้งที่มีการพิจารณานำยาเข้าเภสัช
ตำรับ
ต้องพิจารณายาที่มีฤทธิ์คล้ายคลึงกันควบคู่ไปด้วย
หากเห็นยาใดสมควรนำออกให้พิจารณาร่วมกันไปเลย
แล้วสรุปข้อเสนอผ่านคณะกรรมการเภสัชกรรม
2.2.3.ยาที่ไม่มีผู้ผลิตจำหน่ายหรือเพิกถอนทะเบียนยาไปแล้ว
3.ข้อมูลประกอบการพิจารณา
3.1.งานเภสัชกรรมจัดทำข้อมูลเปรียบเทียบระหว่างยาใหม่ที่เสนอเข้าและยาที่อยู่ในเภสัชตำรับ
3.1.1.Comparative
efficacy และ Adverse Drug Reactions กับยาที่มีจำหน่ายในโรงพยาบาลศรีนครินทร์
รวมทั้งข้อมูล
ด้านความคงตัวของยา
3.1.2.เปรียบเทียบมูลค่าการรักษาของยาในกลุ่มเดียวกัน
3.1.3.อัตราการใช้ของยากลุ่มที่ออกฤทธิ์คล้ายคลึงกันที่มีจำหน่ายแล้วใน
รพ.
3.1.4.เอกสารอ้างอิงตามที่แพทย์เสนอมาหรือบริษัทยาเป็นฝ่ายนำเสนอมาประกอบการพิจารณา
3.1.5.เอกสารรับรองคุณภาพยา
ได้แก่ แหล่งที่มีของวัตถุดิบมาตรฐานการผลิตที่ดี (GMP)
ใบรับรองการวิเคราะห์ของกรม
วิทยาศาสตร์การแพทย์หรือคณะเภสัชศาสตร์
รายงานการศึกษาเภสัชจลนศาสตร์ที่ทำการศึกษาในประเทศไทย
3.2.ภาควิชาฯ
หรือคณะอนุกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งให้จัดเตรียมข้อมูลจาก CPG หรือ Evidence based อื่นๆ ประกอบการพิจารณา